บทที่ 2
เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
การศึกษาในครั้งนี้ ผู้ศึกษาได้ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง โดยแบ่งเนื้อหาของเอกสารและงานวิจัยออกเป็นหัวข้อต่างๆดังนี้
ตัวอย่างหัวข้อเรื่อง
1.เอกสารที่เกี่ยวข้องกับ.................................(คอมพิวเตอร์มัลติมีเดีย)
1.ความหมาย
2.ประเภท/รูปแบบ
3.ลักษณะ
4.ขั้นตอน
5.ประโยชน์
นำมาจาก ••ตำรา••บทความทางวิชาการ••สิ่งพิมพ์ต่าง ๆ
ตัวอย่างโครงเรื่อง “ขยะมูลฝอย”
1.
ความหมายและความสำคัญของขยะมูลฝอย
2.
ประเภทของขยะมูลฝอย
-
จำแนกตามลักษณะส่วนประกอบ
-
จำแนกตามลักษณะการเผาไหม้
3.
แหล่งกำเนิดขยะมูลฝอย
4.
ผลกระทบของขยะมูลฝอย
5.
กรรมวิธีกำจัดขยะมูลฝอย
-
เทกองกลางแจ้ง
-
การเผา
-
การฝังดิน
-
การหมัก
6.
การแปรสภาพขยะมูลฝอยมาใช้ประโยชน์ใหม่
7.
การป้องกันและการแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอย
บทที่ 2
เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
การศึกษาในครั้งนี้
ผู้ศึกษาได้ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
โดยแบ่งเนื้อหาของเอกสารงานวิจัยออกเป็นหัวข้อต่างๆดังนี้
1.
ห้องสมุดโรงเรียน
1.1 ระเบียบการใช้ห้องสมุด
1.2 มารยาทในการใช้ห้องสมุด
1.3 ระเบียบการยืม – คืน
1.4 บริการสำหรับครู-อาจารย์
1.5 บริการต่างๆ ของห้องสมุด
1.6
บริการอินเตอร์เน็ต
2.
คุณสมบัติของบรรณารักษ์ห้องสมุดโรงเรียน
ห้องสมุดโรงเรียน จัดตั้งขึ้นในสถาบันการศึกษาทุกระดับตั้งแต่ระดับอนุบาล
ระดับประถม ระดับมัธยม
มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการเรียนการสอนตามหลักสูตรของโรงเรียนและเป็นแหล่งค้นคว้าของครูและนักเรียน
ปัจจุบันเพื่อให้นักเรียนได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกันได้กว้างขวางขึ้น
ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ
ศูนย์บริการไทยสารอินเทอร์เน็ต และองค์การสื่อสารแห่งประเทศไทย ร่วมกันดำเนินโครงการเครือข่ายคอมพิวเตอร์เพื่อโรงเรียนไทย หรือ School Net โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้โรงเรียนมัธยมศึกษาทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดเข้าถึงเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและเครือข่ายข้อมูลกลุ่มรงเรียนทั่วโลก
เพื่อเป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยนเอกสาร สื่อการสอน
ฐานข้อมูลของห้องสมุดระหว่างโรงเรียนและระหว่างโรงเรียนกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา
(ปราณี วงศ์จำรัส, 2548:48)
ระเบียบการใช้ห้องสมุดโรงเรียนวิทยานุกูลนารี
เวลาทำการ
วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 07.15 - 16.30 น
เวลาบริการ
ก่อนเข้าแถว (เช้า) พักกลางวัน –
หลังเลิกเรียน
มารยาทในการใช้ห้องสมุด
1. แต่งกายให้เรียบร้อยก่อนเข้าใช้ห้องสมุด
2. ฝากกระเป๋า สิ่งของต่างๆ
ไว้ตรงที่บริการ
3. นำรองเท้าใส่ถุงถือติดตัวเข้าห้องสมุด
4. ห้ามนำขนม น้ำ
เข้ามารับประทาน
5. ห้ามนอนหลับ/วิ่งเล่น
ในห้องสมุด
6.ห้ามตัดรูปข้อความ
หรือฉีกขโมยหนังสือ ให้ถ่ายเอกสารแทน
7.ห้ามนั่งระหว่างชั้นว่างหนังสือ
ซึ่งทำให้กีดขวางผู้อื่นที่จะค้นหาหนังสือไม่ได้รับความสะดวก
8.ไม่ส่งเสียงดังรบกวนผู้อื่น
9.ไม่ควรหยิบหนังสือพิมพ์
วารสาร มาอ่านคลั้งละหลายเล่ม จะทำให้ผู้อื่นไม่มีโอกาศได้อ่าน
10.เก็บเก้าอี้ทุกครั้ง
เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย
11.ถ้าต้องการยืมหนังสือ
ให้ติดต่อยืมที่บรรรารักษ์
12.ให้ตรวจสิ่งของก่อนออกจากห้องสมุดทุกครั้ง
13.ไม่เล่นเครื่องนับจำนวนที่บริเวณทางเข้าออก-ออก
จะทำให้เครื่องชำรุดเสียหาย
14.หนังสือ
หรือวัสดุใดๆ ที่ยืมออกจากห้องสมุด ควรดูแลรักษาให้ดีเพื่อยืดอายุการใช้งาน
15ให้คืนหนังสือตามกำหนดเวลา
เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้อื่นได้ใช้หนังสือ
ระเบียบการยืม - คืน
1.มีบัตรสมาชิกห้องสมุด
ขั้นตอนการทำบัตร
1.1 นำรูปถ่ายขนาด
1 นิ้ว หรือ 2 นิ้ว จำนวน 1 รูป
1.2 เงินค่าทำบัคร
3 บาท
1.3 ติดต่อบรรณารักษ์
(นักเรียนใหม่ ครูบรรณารักษ์จะบริการในห้องเรียนเอง)
2.นำหนังสือที่ต้องการยืม
ส่งให้เจ้าหน้าที่ห้องสมุดที่ยืนอยู่ประจำเคาเตอร์
3.ใช้บัตรสมาชิกของผู้ยืมเท่านั้น
4.สิทธิการยืมคืน
4.1 ยืมหนังสือ/วีดีโอ/เทป
ได้ครั้งละไม่เกิน 5 เล่ม ภายในกำหนด 7 วัน
4.2 หนังสืออ้างอิงไม่อนุญาตให้ยืม
4.3 การบริการให้ยืมเฉพาะช่วงเช้า-พักกลางวันและหลังเรียนคาบสุดท้าย
ไม่บริการให้ยืมระหว่าง
เวลาเรียน
5.ถ้าส่งหนังสือช้าเกินกำหนด
ปรับวันละ 1 บาทต่อเล่ม(นับรวมวันหยุด)แต่ถ้าเป็นหนังสือจองปรับวันละ
5 บาท
6.หากทำหนังสือหายหรือมีปัญหาการใช้ห้องสมุดให้ติดต่อบรรณารักษ์
บริการต่างๆ ของห้องสมุด
1.บริการอินเตอร์เน็ต
2.บริการห้องสมุดเสียง
3.บริการยืม -
คืน
4.บริการตอบคำถามเพื่อการค้นคว้า
5.บริการจองหนังสือ
6.บริการโสตทัศนูปกรณ์ห้องสมุด
7.บริการห้องสมุดเคลื่อนที่
8.บริการการอ่าน
บริการสำหรับครู-อาจารย์
1.ยืมหนังสือได้ไม่เกิน
10 เล่ม
2.หากส่งหนังสือคืนเกินกำหนดปรับเล่มละ
2 บาท
บริการอินเตอร์เน็ต
1.เปิดบริการระหว่างเวลา
07.30 -16.30
2.คิดอัตราค่าบริการชั่วโมงละ
10 บาท
3.ลงชื่อ -
นามสกุล ชั้น หมายเลขเครื่องคอมพิวเตอร์และเวลาที่ใช้บริการ
4.บริการพิมพ์ข้อมูลแผ่นละ
5 บาท
5.ใช้เฉพาะสืบค้นข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตเท่านั้น
ไม่บริการพิมพ์ใดๆ
6.ห้ามเว็บไซด์ที่ไม่เหมาะกับสถานศึกษา
7.ก่อนจะใช้แผ่นดิสท์แจ้งบรรณารักษ์ทราบทุกครั้ง
8.หากมีปัญหาในการใช้อินเตอร์เน็ต
หรือ ต้องการความช่วยเหลือให้ติดต่อบรรณารักษ์
คุณสมบัติของบรรณารักษ์ห้องสมุดโรงเรียน
1.มีวุฒิทางวิชาชีพบรรณารักษ์ศาสตร์
ต้องได้ผ่านการศึกษาหรืออบรมมาทาง สาขาวิชานี้โดยเฉพาะ
เพราะงานห้องสมุดเป็นงานวิชาชีพขั้นสูงอย่างหนึ่ง
จะให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งที่ไม่มีคุณสมบัติมาปฏิบัติงานอาจทำให้งานไม่สัมฤทธิ์ผล
และอาจเสียหายได้ ผู้ผ่านการศึกษาในทางสาขาวิชาชีพนี้แล้ว
จะมีความรู้ในเรื่องการบริหารดำเนินงานห้องสมุดการจัดโปรแกรมห้องสมุด
การวิเคราะห์เลขหมู่การทำบัตรรายการ กรให้บริการอ้างอิงแก่ผู้ใช้
อันเป็นหลักประกันว่าในกิจการงานเทคนิคนั้นบรรณารักษ์สามารถดำเนินการได้
2.มีวุฒิทางการศึกษา ต้องได้ผ่านวิชาชีพทางการศึกษา
และถ้ายิ่งมีประสบการณ์ในการสอนด้วยจะเป็นการดีความรู้ทางวิชาชีพทางการศึกษาพื้นฐานที่ควรรู้
เช่น การบริหารและการนิเทศการศึกษา ทฤษฎีการเรียนรู้ การปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตร
การให้คำปรึกษาและแนวแนว การสื่อสารมวลชน จิตวิทยาการศึกษา จิตวิทยาพัฒนาการ จิตวิทยาวัยรุ่น
ความรู้ทางด้านการศึกษาจะเป็นประโยชน์ต่อบรรณารักษ์ในแง่ที่ช่วยให้เข้าใจถึงหลักการจัดการศึกษาว่าเป็นอย่างไร
จะได้ดำเนินงานห้องสมุดให้สอดคล้องกับการจัดการศึกษาได้
ส่วนความรู้ทางด้านจิตวิทยาจะช่วยให้เข้าใจในตัวผู้ใช้ได้ดียิ่งขึ้น
กิจกรรมต่างๆที่จะจัดจะได้ตรงความสนใจของผู้ใช้
3.มีความรู้เกี่ยวกับวัสดุการศึกษาทุกชนิด
เนื่องจากความคิดปัจจุบันห้องสมุดมิใช่จะมีเพียงหนังสือวารสารเท่านั้น
แต่ห้องสมุดจะพยายามรวบรวมวัสดุการศึกษาทุกชนิดเอาไว้บริการหรือใช้เป็นสื่อนำความรู้
ประสบการณ์ไปยังนักเรียน ดังนั้นบรรณารักษ์จึงต้องพยายามค้นคว้าหาความรู้ในเรื่องวัสดุการศึกษาว่ามีอะไรบ้าง
แต่ละประเภทใช้ประโยชน์อย่างไร มีคุณค่าในด้านใด ควรใช้ในโอกาสใด
คุณสมบัติข้อนี้จะช่วยให้ห้องสมุดก้าวไปถึงสภาพสมบูรณ์ตามอุดมคติ
4.มีความศรัทธาในอาชีพบรรณารักษ์
แม้ว่างานบรรณารักษ์หลายวงการจะยอมรับว่าเป็นวิชาชีพชั้นสูง
แต่ในด้านการสนับสนุนในด้านฐานะของวิชาชีพบรรณารักษ์ยังไม่ดีนักทั้งในต่างประเทศและในเมืองไทยเราเอง
จากหลักการที่กล่าวมาแล้วข้างต้นจะเห็นว่าหน้าที่บรรณารักษ์จริงๆนั้นมิใช่น้อยเลย
ฉะนั้นในสภาวะปัจจุบันผู้ที่จะประกอบอาชีพนี้ จำต้องมีความศรัทธา เสียสละพอสมควร
5.มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี
งานบรรณารักษ์ตามแนวคิดปัจจุบันดังที่กล่าวแล้วต้องเกี่ยวข้องกับบุคคลหลายฝ่าย
ทั้งผู้บริหาร ทั้งครูผู้สอน ทั้งตัวนักเรียนเอง
บรรณารักษ์จึงต้องเป็นบุคคลที่มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีบุคคลที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีมักมีลักษณะดังนี้คือ
มีความเชื่อมั่นในตนเอง มีความสามารถในการพูดจา มีอารมณ์ขัน
มีความเป็นกันเองกับทุกๆคน มีความจริงใจกับผุมาติดต่ออย่างสม่ำเสมอ
มีความใจกว้างยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นการมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีจะช่วยให้งานประสบผลสำเร็จเร็วขึ้น
และในแง่ของบรรณารักษ์
การมีบุคลิกเช่นนี้จะเป็นการสร้างทัศนคติที่ดีต่อห้องสมุดให้แก่นักเรียน
และผู้ใช้ได้

วิธีดำเนินการ
ในการศึกษาครั้งนี้ผู้ศึกษาได้ทำการศึกษา.....(.ชื่อเรื่อง)..............................................................
ซึ่งมีวิธีการดังนี้
ระเบียบวิธีที่ใช้ในการศึกษา
ในการศึกษาใช้รูปแบบการสำรวจ
สืบค้นข้อมูล จากหนังสือ อินเตอร์เน็ต
และตอบแบบสอบถาม
ประชากรที่ใช้ในการศึกษา
1.
ประชากร
ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้
เป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่........(ตามกลุ่มตัวอย่างของนักเรียน)
โรงเรียนวิทยานุกูลนารี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2556 จำนวน..................ห้องเรียน เป็นนักเรียนทั้งสิ้น........คน
2.
กลุ่มตัวอย่าง
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ได้แก่นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่..(ตามกลุ่มตัวอย่างของนักเรียน)
โรงเรียนวิทยานุกูลนารีภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2555 เป็นนักเรียนทั้งสิ้น........คน
ได้มาโดยสุ่มอย่างง่าย จำนวน............ห้องเรียน
เพื่อตอบแบบสอบถามที่สร้างขึ้น
3.
ระยะเวลาที่ใช้ในการศึกษา
ระยะเวลาที่ใช้ในการศึกษา
ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2555
วิธีดำเนินการศึกษา
ผู้ศึกษาได้ดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้
1.
กำหนดเรื่องที่จะศึกษา โดยสมาชิกทั้ง 3 คน
ประชุมร่วมกัน และร่วมกันคิดและวางแผน ว่าจะศึกษาเรื่องใด ( สมาชิกกลุ่มทั้ง 3 คน
ได้มาโดยนำผลการเรียนวิชาภาษาไทยพื้นฐาน มาจัดแบ่งกลุ่ม เก่ง กลาง อ่อน)
2.
สำรวจปัญหาที่พบในโรงเรียน
ซึ่งมีทั้งปัญหาด้านผู้เรียน ครูผู้สอน
อาคาร สถานที่ สิ่งแวดล้อมในโรงเรียน ฯลฯ
3.
เลือกเรื่องที่จะศึกษา
โดยเลือกเรื่องที่สมาชิกมีความสนใจมากที่สุด เพื่อเป็นแรงจูงใจในการค้นหาคำตอบ
4.
ศึกษาแนวคิดในการแก้ปัญหา ( ในข้อนี้ยังไม่สามารถดำเนินการได้เนื่องจาก
การเรียนรายวิชา
IS 2 เวลามี
จำกัด ผู้ศึกษาจึงทำได้เฉพาะการสำรวจความคิดเห็นและสร้างเครื่องมือ (แบบสอบถาม) ศึกษาเพียงเพื่อให้
มีความรู้ ความเข้าใจ เรื่องกระบวนการวิจัยเท่านั้น
จำกัด ผู้ศึกษาจึงทำได้เฉพาะการสำรวจความคิดเห็นและสร้างเครื่องมือ (แบบสอบถาม) ศึกษาเพียงเพื่อให้
มีความรู้ ความเข้าใจ เรื่องกระบวนการวิจัยเท่านั้น
5.
ตั้งชื่อเรื่อง
6.
สมาชิกทั้ง 3 คนของกลุ่ม พบครูผู้สอนเพื่อปรึกษา
วางแผนและรับฟังความคิดเห็น ปรับปรุงแก้ไข
7.
เขียนความสำคัญความเป็นมาของปัญหา
วัตถุประสงค์ สมมุติฐาน
ขอบเขตการวิจัยและประโยชน์ที่คาด
ว่าจะได้รับ โดยศึกษาข้อมูลจากหนังสือ วิทยานิพนธ์และสืบค้นข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต และจดบันทึกใน
โครงร่างรายงานเชิงวิชาการ ( ตามใบงาน)
ว่าจะได้รับ โดยศึกษาข้อมูลจากหนังสือ วิทยานิพนธ์และสืบค้นข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต และจดบันทึกใน
โครงร่างรายงานเชิงวิชาการ ( ตามใบงาน)
8.
สร้างเครื่องมือ ที่เป็นแบบสอบถาม จำนวน..............ข้อ
9.
นำเครื่องมือที่ปรับปรุงแล้วไปใช้กับกลุ่มตัวอย่าง
10. รวบรวมข้อมูล
11. วิเคราะห์ข้อมูล
12. สรุปการศึกษา
ขั้นตอนวิธีดำเนินการศึกษา
แนะนำมีวิธีการดังนี้ ซึ่งนักเรียนอาจปรับเปลียนได้ตามความเหมาะสม
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้
คือ แบบสอบถาม ( หรือแบบประเมินความพึงพอใจ) 1 ฉบับ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
1.
ออกแบบสอบถาม เรื่อง ............................................................................โดยขอคำแนะนำจาก
คุณครูกอบแก้วตะนะพันธุ์ โดยเตรียมร่างข้อคำถาม
มีลักษณะเป็นข้อคำถามจำนวน...............ข้อ
เป็นแบบ
มาตราส่วนประมาณ
5 ระดับ คือ
4 หมายถึง เห็นด้วยมาก
3 หมายถึง เห็นด้วยปานกลาง
2 หมายถึง เห็นด้วยน้อย
1 หมายถึง เห็นด้วยน้อยที่สุด
การพิจารณาค่าเฉลี่ย จะใช้เกณฑ์ดังนี้
ค่าเฉลี่ย 4.51 –
5.00 หมายถึง เห็นด้วยมากที่สุด
ค่าเฉลี่ย 3.51 – 4.50 หมายถึง เห็นด้วยมาก
ค่าเฉลี่ย 2.51 – 3.50 หมายถึง เห็นด้วยปานกลาง
ค่าเฉลี่ย 1.51 – 2.50 หมายถึง เห็นด้วยน้อย
ค่าเฉลี่ย 1.00– 1.50 หมายถึง เห็นด้วยน้อยที่สุด
2.
สร้างแบบสอบถาม เรื่อง..............................................................................โดยขอคำแนะนำ
จากคุณครูกอบแก้วตะนะพันธุ์ จากนั้นนำมาปรับปรุงแก้ไข
แล้วนำไปตรวจสอบความเหมาะสม
3.
นำแบบสอบถามเรื่อง................................................................ที่แก้ไข
ปรับปรุงแล้วให้กลุ่ม
ตัวอย่างประเมิน
หลังจากนั้นนำผลที่ได้มาหาค่าเฉลี่ย
การเก็บรวบรวมข้อมูล
การศึกษาครั้งนี้ได้ดำเนินการโดยนำแบบสอบถามที่สร้างขึ้นให้นักเรียนกลุ่มตัวอย่างตอบ
จำนวน..........คน และเก็บรวบรวมข้อมูลจากนักเรียน
ที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง โดยผู้ศึกษาทั้ง 3 คน ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยตนเอง
การวิเคราะห์ข้อมูล
ในการวิเคราะห์ข้อมูล
ผู้ศึกษาได้วิเคราะห์ข้อมูลดังนี้
1.
นำแบบสอบถามทั้งหมดที่ตอบโดยนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง
มาหาค่าคะแนนรวม
2.
นำผลรวมมาคิดค่าร้อยละ
สถิติที่ใช้ในการศึกษา
สถิติที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ การหาค่าเฉลี่ยคิดเป็น ร้อยละ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น